ทีมนี้มีแต่รุ่นพี่ของมหาวิทยาลัยของผม(มศว.)ซึ่งเริ่มมาจากวงสบายแบนด์ วงที่ทำให้ผมมีความคิดว่าจะทำงาน Horns section แบบเต็มตัวตั้งแต่ปีหนึ่ง เหตุการณ์ที่ผมรู้สึกคือ สมัยตอนที่พวกพี่ๆเล่นกันที่ Shelter (เลียบทางด่วนรามอินทรา) ผมมีโอกาสได้ไปดู ได้เห็นการทำงานของพี่ๆจนเกิดแรงบันดาลใจดังกล่าว
ในยุคนั้นทีมเครื่องเป่า สบายแบนด์ คือ พี่เก่ง (Altosax) พี่ตั้ม (Trumpet) พี่เต้ (Trombone) และเป็นทีมแรกๆที่ถูกทาบทามให้ทำงาน Back up กับค่ายเบเกอรี่ มิวสิค และอีกหลายๆค่ายเป็นหลัก ผมได้เห็นพี่ๆอีกครั้งในงาน Freshy Night ของมหาลัยในปี 2544
จากนั้นก็ได้รู้จัก Groove rider มากขึ้น ด้วยพี่ๆ 3 คนของทีมนี้เล่น Back up ให้ครับ โดยเฉพาะเพลงฮอร์โมน เป็นเพลงที่มีจุดเด่นในส่วนของ Horn section มากๆ ปลื้มรุ่นพี่ตัวเอง 55
(ส่วนตัวครับ) ช่วงนั้น การสืบทอดวงในมหาลัยก็เกิดขึ้นพอดีโดย พี่ตั้งโอ๋ (Spicy disc) รุ่นพี่ในมหาลัย ชวนผมและเพื่อนๆร่วมกันก่อตั้งวงเป็นวงสาวสะดุ้งแบนด์ ที่รับอิทธิพลมาจากสบายแบนด์ซึ่งเป็น idol ทั้งภาค Rhythm และ Horn sectionเต็มๆ
สาวสะดุ้งแบนด์ นำเพลงฮอร์โมน ของ Groove rider และเสียงสดๆที่เรียบเรียงใหม่ซึ่งต่างจากในแผ่นบันทึกของ Horns section วงสบายแบนด์ ไปประกวดในงาน Fat Band Rhythm & Horns (โดย Fat radio) เราได้รู้จักคำว่า Groove จากพี่ตุ่ม (มือเบสวง สบายแบนด์) จนได้รับรางวัล
(เข้าเรื่องครับ55) เวลาผ่านไป Groove rider ค่อยๆสร้างความนิยมจนสูงสุด และได้เพิ่มพี่เป้ Tenor sax ซึ่งเป็นนักดนตรีแจ๊สระดับประเทศ รุ่นพี่จากมหาลัยผมเช่นกัน มาร่วม กลายเป็น 4 คน จากทีมที่เป็น 3 แน่นและคมชัดอยู่แล้ว กลับกลายเป็นทีมที่มีซาวน์กว้างและมีพลังเพิ่มขึ้นไปอีก
ภายหลังพี่ตั้ม (Trumpet) รู้สึกอยากจะหยุดพัก จึงสลับเปลี่ยนให้ โป้ ยุทธศักดิ์ พลายพู่ นักทรัมเปตอินดี้จากมหาลัยเกษตรศาสตร์ ระดับแชมป์ทรัมเปตของประเทศมาเล่นแทน ผมเคยได้ยินพี่ก้อ (ณฐพล ศรีจอมขวัญ) มือเบสของวงกรูฟไรเดอร์ เล่าให้ฟังถึงการทาบทามโป้มาร่วมเล่นว่า สมัยนั้นมีเพลงที่ต้องอัดเสียงมันมีโน้ตสูงมากๆอยู่ตัวนึง ซึ่งปกติอ.อ้น (Surasi Chanoksakul) และพี่ปลาทอง(Plajazz) เป็นคนมาช่วยอัด แต่งานนี้คงต้องใช้นักเล่นเสียงสูงแบบแข็งแรงบ้าระห่ำ อ.อ้น จึงแนะนำให้โป้มาอัด จากนั้นโป้ก็ได้รับทาบทามให้มาเป็นสมาชิกใหม่ของ Groove rider Horns section รวมถึง อาร์ม (Baritone sax) จากม.มหิดล นักแซกและอาจารย์ระดับแนวหน้าของบ้านเรา ก็เข้ามาเป็นสมาชิกสุดท้ายของทีมนี้ด้วย (**รายละเอียดในคลิปด้านล่าง)
ทีมนี้ถือว่ามีสมาชิกที่เป็น idol ของผู้เล่นเครื่องเป่าหลายๆคน รวมไปถึงผม มาลองฟังวิธีการทำงานระดับ Professional ของพวกเค้าอีกทีมนึงครับ
ทิ้งท้ายความรู้สึกส่วนตัวของผมกับมือทรัมเปตแชมป์โลก โป้ ยุทธศักดิ์ พลายพู่
"ผมบอกตรงๆ ผมไม่ชอบหน้าพี่เลยตอนเจอกันครั้งแรก" โป้บอกกับผม แต่เชื่อไหม ผมจำตอนที่เจอกับโป้ครั้งแรกไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ แถมครั้งที่ 2 ผมยังทักมันผิดว่าเป็น โป้ว จากมหาลัยศิลปากรอีกด้วย 5555
ตั้งแต่รู้จักโป้ ผมบอกตามตรงว่า เด็กห่านี่ทำไมมันทำให้ผมเกรงใจได้ขนาดนี้ (ขออนุญาตใช้คำไม่สุภาพ ผมอยากพูดตรงๆ ขี้เกียจประดิษฐ์ประดอย) เรามีโอกาสได้ร่วมงานกันสมัยที่อยู่กับ Trumpet ยี่ห้อ P.mauriat ผมเป็นคนเชื้อเชิญเค้ามา เอาจริงๆก็ออกแนวบังคับน่ะคับ เพราะปกติโป้มันเป็นคนไม่ชอบทำไรโผงผาง ชอบอยู่เงียบๆสงบๆแบบของมัน แต่พอผมเล้าโลมจนมันยอมแล้ว โป้มันก็ไม่เคยทิ้งผมเลย แม้งานส่วนตัวมันจะยุ่งแค่ไหน ก็ยังตื่นเช้าและคอยคิดจัดแจงงานโปรโมททรัมเปตยี่ห้อนี้ตลอด เพราะคอนเซปของผมกับโป้คล้ายกันตรงที่ว่า ถ้ามีทรัมเปตดีดีราคาที่น้องๆซื้อไหวเพิ่มมาอีกสักยี่ห้อหนึ่ง เราคงได้นักทรัมเปตในประเทศไทยเพิ่มขึ้น
ระหว่างที่ผมกับโป้ทำงานร่วมกันสนิทกันมากขึ้น เราตั้งกรุ๊ป Trumpet society Thailand ด้วยกัน โดยหวังจะให้พี่ๆน้องๆและเพื่อนๆพบเจอกันแลกเปลี่ยนความคิด เฮฮาตามประสาคนแตรไทยอารมณ์กวนๆ ในช่วงนี้เอง วิถีชีวิตและความคิดของโป้มันสอนผมหลายเรื่อง ส่วนใหญ่คือเรื่องของความจริง ความเป็นจริง ในแบบที่มันเป็น แบบที่โป้มักจะพูดเสมอว่า "ผมอินดี้ครับพี่" 55 ผมยังจำเสียงของโป้มันได้
ก่อนหน้านี้ ผมบอกตรงๆว่าผมเป็นคนที่มีสมาธิและจิตใจไม่ค่อยนิ่ง คิดมาก คิดนู่นคิดนี้ เครียดง่าย แต่พอมาเจอโป้ มันทำให้ผมรู้หลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของการตัดสินใจเด็ดขาดแบบไม่ต้องเกรงใจ ได้คือได้ ไม่ได้คือจบ ไม่มีโกรธ ไม่มีนินทา จบกันไปตรงนั้น แล้วเดินหน้าต่อ นี่น่าจะเป็นจุดยืนทีี่ทำให้โป้ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง (ถ้ามันอ่านอยู่ มันจะบอกว่า เฮ้ย จริงหรอวะ บ้าละ) แต่สำหรับผม(กู) ผมคิดว่าคนอย่างโป้มันทำไรก็ได้ก็สำเร็จ เพราะมันไร้ซึ่งแรงกดดัน ไร้ซึ่งความคาดหวัง ไม่มีเสียงรอบข้าง ไม่มีการเปรียบเทียบ มีแต่เป้าหมายของตัวเอง และที่สำคัญการกระทำและทุกคำพูดของไอโป้ ไม่มีสิ่งไหนไม่จริงใจ...
aunztrumpet