วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อีสาน Drum line สิ่งเตือนใจคนดนตรีอย่างผม

ผมไม่มีข้อมูลมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะมัวแต่สนใจแต่เรื่องการเตรียมพร้อมงาน Yamaha Brass Festival  2013  ได้แค่ดูข่าวสารจากเฟสบุคและสื่อต่างๆทางโทรทัศน์ ข่าวที่มาแบบวูบๆ แว่บๆ...

ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงคนดนตรีที่กำลังศึกษาและเล่นดนตรีแบบนี้อยู่ครับ

ผมทราบมาบ้างว่าการแข่งขันแบบนี้เป็นการแข่งแบบเครื่องกระทบประกอบจังหวะ ทั้งที่มีระดับเสียงและไม่มีระดับเสียง ซึ่งสมัยนี้ในบ้านเราฮิตกันมาก บางที่เรียกว่า Bettery หรืออะไรต่างๆ ผมไม่แน่ใจ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะกล่าวถึง สิ่งที่ผมกำลังจะกล่าวคือเรื่องของการนำเสนอมากกว่า คือความเป็นคนบ้านนอกที่รักบ้านเกิด

แน่นอนครับดนตรีบ้านเกิดของเราคือดนตรีไทย ดนตรีไทยเป็นไง จำกันได้ไหมครับ ค้างคาวกินกล้วยหรอ? อ่า..ใช่ครับ แล้วดนตรีพื้นบ้านล่ะ? อะไรดี เพลงเกี่ยวข้าวไหม? โปงลาง? ลำตัด? หรือจะเพลงการละเล่นดี รีรีข้าวสาร? เคยฟังไหมครับ? หลายๆท่านอาจจะลืมและเบื่อหน่ายกับสิ่งต่างๆที่เป็นของตายในบ้านเราเหล่านี้ ต่างถูกคุกคามโดยสังคมอาณานิยมกันหมด มีแต่เสียงกีต้าร์ไฟฟ้า กลองชุด แม้กระทั่งเสียงเปียโน ใส่สูทมาบรรเลงเท่ห์ให้ฟัง  ....แต่ยังโชคดีที่เนื้อเพลงยังเป็นภาษาไทย แม้ควบกล้ำจะไม่เหลือก็ตาม

ผมเองก็ไม่ได้อนุรักษ์นิยมขนาดนั้นหรอกเดี๋ยวจะหาว่าปากดี แค่เห็นชื่อผมก็มีฝรั่งต่อท้ายเต็มๆละ (aunztrumpet) 555 เครื่องดนตรีไทยผมก็เล่นไม่เป็นสักชิ้น เคยเขย่าอังคะลุงมาสมัยก่อน(ป.๔) ตอนนี้ก็กลอ(เขย่าเร็วๆ) ไม่ค่อยเป็นละ  แต่ผมก็ยังเป่าเพลงไทยนะ และยังมีโอกาสได้เล่นเพลงไทยเดิมกับขุนอิน และวงกรมประชาสัมพันธ์(เพลงครูเอื้อ สุนทรสนาน) ที่ผมทำงานอยู่ด้วย

กลับมาเรื่องของพี่น้องอีสานดรัมลายน์ (เดี๋ยวจะพาล่มปากอ่าวอีก) ผมมองมุมของภูมิปัญญามากกว่าความเฉลียวฉลาด ประโยคที่พูดถึง ผมหมายความว่า ด้วยภูมิปัญญาที่เค้ามีและการนำสิ่งรอบข้าง สิ่งที่น้องๆผู้แสดงทุกคนรู้จักและสัมผัสมันตั้งแต่เกิด เพลงที่เค้าคลุกคลีมันจนอยู่ในสายเลือด รวมถึงการประกอบท่าทาง เสื้อผ้าที่เกิดจากสายตาที่มองเห็นมาตั้งแต่เกิด มันง่ายขึ้น.... เพราะทำในสิ่งที่รู้ซึ่งดีมากอยู่แล้ว ดังเช่น ทุกวันนี้เราหัดพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ถ้าเราย้อนคิดกลับ ทำไมกูต้องพูดอังกฤษด้วยวะ ??? เป็นคำถามในใจผมตั้งแต่เด็ก เวลาฝรั่งจะมาเอาอะไรจากประเทศเรา เราจำเป็นต้องหัดพูดภาษาเค้าแล้วก็ให้เค้ามาทำการค้าในบ้านเราหรอ ในเมื่อเค้าเห็นบ้านเราดี อยากลงทุน อยากได้ ทำไมมันไม่หัดพูดภาษาเราวะ (นี่ความคิดผมนะ แต่ความเป็นจริงคงไม่ใช่) เช่นเดียวกัน ถ้าอีสานดรัมลายน์ แสดงแบบฝรั่งเลย ฝั่งจ๋า เล่นเพลงฝรั่ง แล้วไปประกวดครั้งนี้ คู่แข่งเยอะจนระบม และอาจจะเสร็จเค้า เพราะมันเป็นดนตรีบ้านเค้า เค้าตีลังกาเล่นยังไงแม่งก็ใช่ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราซ้อมแทบตายซ้อมมากกว่าเค้า ถึงไม่ใช่วะ....นี่คือเหตุผลครับ    -"-

นี่ล่ะตัวอย่างของครูและทีมงานรุ่นใหม่ที่จะทำให้วงการดนตรีของบ้านเราไปนานาชาติได้ (อย่างมั่นคงและแน่นอน) ที่ผมกล้ายืนยัน เพราะผมคิดว่ายังงัยฝรั่งก็คือฝรั่ง จะมาตีกลองยาวสู้เด็กอีสานดรัมลายน์ได้ไงหว่า เพราะเสียงกลองยาว เราได้ยินมาตั้งแต่เกิด ถึงตีไม่เป็นแต่ก็ฟังรู้ว่าใช่หรือไม่ใช่ การศึกษาดนตรีไทยหรือดนตรีพื้นบ้านของประเทศเราอาจจะไม่ได้มีทฤษฏีอะไรมากมาย นั่นอาจเป็นเพราะ "เสียงเพลงเกิดก่อนทฤษฏี" ทุกคนที่เล่นดนตรีไทยจะอาศัยความซึมซับและเรียนรู้ด้วยการต่อเพลง ครูพักลักจำ ไปกินนอนอยู่บ้านครูคนตรี ได้ยินมันทั้งวี่ทั้งวัน และทุกวิถีทางที่ทำให้ตนเองเหมือนครูมากที่สุด

"ผมว่านี่อาจเป็นความลับที่ครูดนตรีซ่อนไว้..เลยไม่มีการทำบันทึกโน้ตแบบสากล..."

เพราะเค้าอาจจะรู้ว่า วันนึงถ้าสมบัติหรือผลงานที่เค้าสร้างมาถูกฝรั่งเอาไปใช้ได้ แล้วลูกหลานเค้าจะกินจะอยู่อย่างไร ??

และแล้วบทสรุปสุดท้ายก็ออกมาเป็น อีสานดรัมลายน์ กลุ่มคนและทีมงานที่มีประสิทธิภาพด้วยภูมิปัญญาแบบคนไทย "ไม่เป็นกบฏต่อวัฒนธรรมตนเอง และไม่พยายามหาตัวเองในวัฒนธรรมฝรั่ง"

ขอแสดงความนับถือทีมงานและทุกท่านที่สนับสนุน
เหงื่อและแรงงานทุกหยดเป็นตัวอย่างและสิ่งจารกไว้ของวงการแล้วล่ะครับ

อ่ะ..ไปดูกันนะครับ ^^




#ใครไม่สน
#กูสน

aunztrumpet

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น